วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ตู้อาถรรพณ์

"หมิว" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหอพักเพื่อน

ฉันไปค้างกับเพื่อนที่หอพักของเธอเพื่อเตรียมตัวสอบ เมื่อภาคปลายที่เพิ่งผ่านมาเราดูหนังสือและทำรายงานกลุ่มด้วยกัน

หอพักที่ว่านี้อยู่ย่านรามคำแหงค่ะ เป็นหอใหม่ ราคาแพงแต่สะอาดสะอ้าน ความปลอดภัยก็ดูใช้ได้ เขาใช้ระบบคีย์การ์ดตลอด มันทำให้ฉันนึกถึงคดีฆาตกรรมคดีหนึ่งที่มีผู้ร้ายใส่เสื้อเบอร์ 10 คอยเตร่อยู่แถวหน้าประตูหอ พอมีคนมาเสียบกุญแจเปิดประตูมันก็ตามเข้าไปหน้าตาเฉย...และไปฆ่าผู้หญิงคนหนึ่งตายคามือ!

ฉันบอกกับปอน เพื่อนที่เช่าหอว่าอยู่คนเดียวไม่กลัวอะไรเหรอ มันถามกลับว่าจะให้กลัวอะไรล่ะ? ถึงยังไงก็ต้องอยู่เพราะบ้านอยู่ต่างจังหวัดโน่น

ถ้าเป็นฉันละก็นะ กลัวทั้งผีทั้งขโมยเลยละ ยิ่งได้เห็นข่าวฆ่ากันตายแบบนี้ฉันยิ่งเสียขวัญ อย่างแรกเราอยู่คนเดียว เราจะแน่ใจได้ยังไงว่าปลอดภัยดีแล้ว อย่างที่สองห้องที่เราอยู่นี่เคยมีคนตายมาก่อนรึเปล่าเราก็ไม่รู้

หอพักที่ข้างบ้านฉันเคยมีพนักงานธนาคารถูกฆ่าหมกศพไว้บนเตียงแล้วขึ้นอืดส่งกลิ่นคลุ้ง คนอื่นถึงได้รู้ว่ามีฆาตกรรมและพบศพ ส่วนห้องนั้นปิดทิ้งไว้ไม่กี่เดือนก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาเช่าต่อ และเธอก็อยู่มาจนบัดนี้โดยไม่รู้เลยว่าห้องที่เธออยู่ เตียงที่เธอนอนเคยมีศพสยองนอนอยู่ตั้งสามวันสามคืน!

ห้องของปอนนี่ก็เถอะ ฉันไม่ค่อยไว้ใจเลย จำได้แต่ว่ามาวันแรกๆ ฉันได้กลิ่นอับๆ ยังไงพิกล บรรยากาศก็อึดอัด นี่ถ้าไม่ต้องมาทำรายงานฉันจะไม่มาเลยล่ะ...อยู่บ้านดีกว่า

คุณเคยไหม เวลาไปที่ไหนสักแห่งแล้วที่นั้นมันมีอะไรเฮี้ยนๆ คุณจะรู้สึกถึงมันได้! ฉันก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน...รู้สึกตลอดเวลาว่าในห้องไม่ได้มีแต่ฉันกับปอนสองคนเท่านั้นแต่ยังมีใครอยู่ด้วย...

ผู้หญิง!? ใช่...ผู้หญิงสาว อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเรานี่แหละ!

"ปอน...แกอยู่แกไม่เคยเห็นอะไรเรอะ?" ฉันอดรนทนไม่ไหว เพราะขนลุกซู่ๆ อยู่ตลอดเวลาโดยไม่มีเหตุผล

"แกจะทักขึ้นมาทำไม?" ปอนย้อนถามอย่างกึ่งขันกึ่งรำคาญ "ผีก็อยู่ส่วนผี คนก็อยู่ส่วนคน ไม่เห็นต้องคิดอะไรมาก ว่าแต่ถ้าคิดว่านอนที่นี่ไม่ได้ก็กลับบ้านไปเลยนะ"

แน่ะ...นังปอนมันไล่ฉัน! แต่ฉันไม่กลับหรอก...คืนนั้นเรานอนกันตีหนึ่ง ปอนหลับก่อน ส่วนฉันอาบน้ำแล้วเดินกลับมาขึ้นเตียง

มองไปรอบๆ ห้องที่ไม่กว้างขวางนัก มันดูวังเวงยังไงบอกไม่ถูก ด้านในสุดเป็นประตูกระจกที่เปิดออกไปยังระเบียงแคบๆ ฉันนึกสยองว่าเดี๋ยวมองไปๆ จะเห็นใครมายืนทะมึนอยู่ตรงนั้น ฉันเลยเดินไปรูดม่านปิด

โอ! แย่จัง...ยิ่งแย่ใหญ่เลยค่ะ พอปิดม่านมันหดหู่เหมือนกำลังอยู่ในงานศพ นังปอนก็นอนหลับไม่รู้เรื่อง ฉันมองมันแล้วก็อิจฉา นึกสงสัยว่ามันอยู่ในห้องนี้ได้ไงคนเดียวมาตั้งนานสองนาน? เอ...รึว่าฉันคิดบ้าไปเอง! เฮ้อ...จะมาป่วนให้เพื่อนกลัวผีซะแล้วซิเรา...ไม่เอาน่ะ! มันอยู่ของมันดีๆ จะให้มันร้อนที่ไปได้

คิดปลงแล้วก็ปีนขึ้นเตียง ซุกหมอน ดึงผ้าแพรเพลาะขึ้นมาถึงใต้คาง ไม่ได้ดับไฟหัวเตียงหรอก เปิดไว้อย่างนั้นแหละ

ฉันนอนไม่หลับ ตามองไปที่ตู้เสื้อผ้าเล็กๆ ตรงปลายเตียง ที่จริงมันอยู่ห่างจากปลายเท้าของฉันนิดเดียวเอง ฉันหดเท้าขึ้นมาอย่างเสียวไส้ขณะจ้องมองที่ตู้ใบนั้น...

เอ...จะว่าไปแล้วมันเหมือนอะไรนะ...อะไรที่น่ากลัว? อึ๋ย...โลงศพ!!

จริงๆ นะคะคุณ ความหนาความกว้างของมันช่างใกล้เคียงกับโลงจริงๆ ด้วย

พอคิดถึงตรงนี้ประตูก็เปิดแอ๊ดดด...ออกมาซะงั้น ฉันหดเท้าเข้ามาอีก นอนตัวงออยากหลับตา แต่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในตู้...อยู่หลังประตูที่เปิดแง้มออกได้เอง

ฉันเห็นผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดดำ!

คุณพระช่วย! ฉันไม่ได้ตาฝาดนะ ฉันเห็นจริงๆ เธอยืนหน้าคว่ำ ตาคว่ำ ทำท่าจะออกมาหาฉัน...แล้วภาพสยองก็หายไปเหมือนประสาทหลอน...ฉันเขย่าตัวปอนให้ตื่น มันงัวเงียลุกขึ้นถามว่าอะไร? ฉันพูดไม่ออก ได้แต่ชี้ไปที่ตู้

"ฮือ...มันเปิดได้เองอย่างนี้ทุกคืนแหละ" ปอนบอกเสียงง่วงๆ พลางตัวหลับต่อ "ถ้ากลัวก็ไปปิดสิ แต่มันจะเปิดเองอีกนะ"

มันไม่กลัวแต่ฉันกลัวแทบตาย! ไม่เอาแล้ว พรุ่งนี้กลับบ้านดีกว่า ไม่อยู่แล้ว ปอนอยู่คนเดียวได้ก็ช่างมันเถอะ...มันเก่ง!!







ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์ ข่าวสด